วันพุธที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่5
การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ 2558
กลุ่ม 101 เวลา 08:30-12.20

ความรู้ที่ได้รับ

           ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาอาจารย์ก็ได้แจกกระดาษคนละ1แผ่นและถุงมือคนละ1ข้าง แล้วก็ให้สวมถุงมือในข้างทีเราไม่ถนัด แล้วก็ให้วาดมือข้างที่ไม่ถนัดให้เหมือนจริงที่สุด ว่ามือที่เราอยู่ด้วยมา20ปีนั้นเราจำอะไรได้บ้าง  ในวันนี้ก็ได้เรียนเรื่อง การสอนเด็กพิเศษและเด็กปกติ

ทักษะของครูและทัศนคติ
   การฝึกเพิ่มเติม
- อบรมระยะสั้น สัมมนา
- สื่อต่างๆ
การเข้าใจภาวะปกติ
- ครูต้องเรียนรู้ มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กปกติและเด็กพิเศษ
- รู้จักเด็กแต่ละคน
- มองเด็กให้เป็น ''เด็ก''
การคัดแยกเด็กที่มีพัฒนาการช้า
-การเข้าใจพัฒนาการของเด็ก จะช่วยให้ครูสามารถมองเห็นความแตกต่างของเด็กแต่ละคนได้ง่าย
ความพร้อมของเด็ก
-วุฒิภาวะ
-แรงจูงใจ
-โอกาส
การสอนโดยบังเอิญ
-.ให้เด็กเป็นฝ่ายเริ่ม
-เด็กเข้าหาครูมากเท่าไรยิ่งมีโอกาสในการสอนมากขึ้นเท่านั้น
-ครูต้องพร้อมที่จะพบเด็ก
-ครูต้องมีความสนใจเด็ก
-ครูต้องมีความรู้สึกดีต่อเด็ก
ครูต้องมีอุปกรณ์และกิจกรรมล่อใจเด็ก
-ครูต้องใช้เวลาในการติดต่อไม่นาน
อุปกรณ์
-มีลักษณะง่ายๆ
-ใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง
-เด็กพิเศษได้เรียนรู้จากการสังเกตและเลียนแบบเด็กปกติ
ตารางประจำวัน
-เด็กพิเศษไม่สามารถยอมรับการเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ทำอยู่ประจำ
-กิจกรรมต้องเรียงลำดับเป็นขั้นตอนและทำนายได้
-เด็กจะรู้สึกและมั่นใจ
-คำนึงความพอเหมาะของเวลา
ทัศนคติของครู
การยืดหยุ่น
-การแก้แผนการสอนให้เหมาะสมกับสถานการณ์
-ยอมรับของเขตความสามารถของเด็ก
-ครูต้องตอบสนองต่อเป้าหมายที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กแต่ละคน
การใช้สหวิทยาการ
-ใจกว้างต่อคำแนะนำของบุคคลในอาชีพอื่นๆ
-สร้างความสัมพันธ์ระหว่างการบำบัดกับกิจกรรมในห้องเรียน
การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมและการเรียนรู้
เด็กทุกคนสอนได้
-เด็กเรียนไม่ได้เพราะไร้ความสามารถ
-เด็กเรียนไม่ได้เพราะขาดโอกาส
เทคนิคการใช้แรงเสริม
-ความสนใจของผู้ใหญ่ที่มีต่อเด็กนั้นสำคัญมาก
-มีแนวโน้มจะเพิ่มพฤติกรรมที่ดีของเด็กและมักเป็นผลในทันที
-หากผู้ใหญ่ไม่สนใจพฤติกรรมที่ดีนั้นๆก็จะลดลงหายไป
วิธีการแสดงออกถึงแรงจากผู้ใหญ่
-ตอบสนองด้วยวาจา
-การยืนหรือนั่งใกล้เด็ก
-สัมผัสทางกาย
หลักการให้แรงเสริมในเด็กปฐมวัย
-ครูต้องให้แรงเสริมทันทีที่เด็กมีพฤติกรรมอันพึงประสงค์
-ครูควรให้ความสนใจเด็กนานเท่าที่เด็กมีพฤติกรรมที่พึ่งประสงค์
การแนะนำหรือบอกบท
-ย่อยงาน
-ลำดับความยากง่ายของงาน
-การบอกบทจะค่อยๆน้อยลงตามลำดับ
ขั้นตอนการให้แรงเสริม
-สังเกตและกำหนดจุดมุ่งหมาย
-วิเคราะห์งานกำหนดจุดประสงค์ย่อยๆในงานแต่ละชิ้น
-สอนจากง่ายไปยาก
-ให้แรงเสริมเฉพาะพฤติกรรมที่ใกล้เคียงกับเป้าหมายที่สุด
การกำหนดเวลา
-จำนวนและความถี่ของแรงเสริมที่ให้กับพฤติกรรมการเรียนรู้ของเด็กต้องการมีความเหมาะสม
การลดหรือหยุดแรงเสริม
-ครูจะงดแรงเสริมเด็กที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม
-ทำอย่างอื่นและไม่สนใจเด็ก
-เอาอุปกรณ์หรือของเล่นออกไปจากเด็ด

ภาพกิจกรรม













วันพุธที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

บันทึกอนุทินครั้งที่4

การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
วันพฤหัสบดีที่ 5 กุมภาพันธ์ 2558
กลุ่ม 101 เวลา 08:30-12.20

ความรู้ที่ได้รับ

            ในสัปดาห์นี้อาจารย์ก็ได้สอนเกี่ยวกับเรื่อง"บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม"แต่ก่อนที่จะเข้าสู่เนื้อหานี้ อาจารย์ก็ได้ให้ทำกิจกรรมก่อน กิจกรรมก่อนเรียนก็คืออาจารย์ให้วาดรูปภาพดอกหางนกยุง วาดให้เหมือนจริงที่สุดพร้อมกับอธิบายสิ่งที่เห็นใต้ภาพด้วยว่าเราเห็นอะไรในภาพนั้น   จากนั้นก็เข้าสู่เนื้อหาในหัวข้อ บทบาทครูปฐมวัยในห้องเรียนรวม อาจารย์ก็ได้อธิบายได้อย่างละเอียดและเข้าใจค่ะ

1. ครูไม่ควรวินิจฉัย

      - การวินิจฉัย หมายถึง การตัดสินใจโดยดูจากอาการหรือสัญญาณบางอย่าง

      - จากอาการที่แสดงออกมานั้นอาจนำไปสู่ความเข้าใจผิด

2. ครูไม่ควรตั้งชื่อหรือระบุประเภทเด็ก

      - เกิดผลเสียมากกว่าผลดี

      - ชื่อเปรียบเสมือนตราประทับตัวเด็กตลอดไป

      - เด็กจะกลายเป็นเช่นนั้นจริงๆ

3. ครูไม่ควรบอกพ่อแม่ว่าเด็กมีบางอย่างผิดปกติ

      - พ่อแม่ของเด็กพิเศษมักทราบดีว่าลูกของเขามีปัญญา

      - พ่อแม่ไม่ต้องการให้ครูมาย้ำในสิ่งที่เขารู้อยู่แล้ว

      - ครูควรพูดในสิ่งที่เป็นความคาดหวังในด้านบวก แต่ต้องไม่ให้เกิดความหวังผิดๆ

4. ครูทำอะไรบ้าง

      - ครูสามารถชี้ให้เห็นถึงพฤติกรรมของเด็กในเรื่องที่เกี่ยวกับพัฒนาการต่างๆ

      - สังเกตเด็กอย่างมีระบบ

      - จดบันทึกพฤติกรรมเด็กเป็นช่วงๆ

5. สังเกตอย่างมีระบบ

      - ไม่มีใครสามารถสังเกตอย่างมีระบบได้ดีกว่าครู

      - ครูเห็นเด็กในสถานการณ์ต่างๆช่วงเวลายาวนานกว่า

      - ต่างจากแพทย์ นักจิตวิทยา นักคลีนิค มักมุ่งความสนใจอยู่ที่ปัญหา

6. การตรวจสอบ

      - จะทราบว่าเด็กมีพฤติกรรมอย่างไร

      - เป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้ครูและพ่อแม่เข้าใจเด็กดีขึ้น

7. ข้อควรระวังในการปฎิบัติ

      - ครูต้องไวต่อความรู้สึกและตัดสินใจล่วงหน้าได้

      - ประเมินและให้น้ำหนักของความสำคัญเรื่องต่างๆได้

8. การบันทึกการสังเกต

      - การนับอย่างง่ายๆ

      - การบันทึกต่อเนื่อง

      - การบันทึกไม่ต่อเนื่อง

9. การนับอย่างง่ายๆ

      - นับจำนวนครั้งของการเกิดพฤติกรรม

      - ระยะเวลาในการเกิดพฤติกรรม

10. การบันทึกต่อเนื่อง

      - ให้รายละเอียดได้มาก

      - เขียนทุกอย่างที่เด็กทำในช่วงเวลาหนึ่ง หรือช่วงกิจกรรมหนึ่ง

11. การบันทึกไม่ต่อเนื่อง

      - บันทึกลงบัตรเล็กๆ

12. การเกิดพฤติกรรมบางอย่างมากเกินไป

      - ควรเอาใจใส่ถึงระดับความมากน้อยของความบกพร่องมากกว่าชนิดของความบกพร่อง

      - พฤติกรรมไม่เหมาะสมที่พบได้ในเด็กทุกคน ไม่ควรจัดเป็นสิ่งผิดปกติ

13. การตัดสินใจ

      - ครูต้องตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง

      - พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น ไปขัดขวางความสามารถในการเรียนรู้ของเด็กหรือไม่



            หลังจากที่เรียนรู้เรื่องบทบาทในห่องเรียนครูเสร็จแล้วอาจารย์ก็มีกิจกรรมร้องเพลงต่อ อาจารย์ให้ร้องเพลง "ฝึกกายบริหาร" ซึ่งมีเนื้อหาดังนี้ และพร้อมกับไปซ้อมร้องมาให้ดีเพื่อที่จะมาร้องต่อในสัปดาห์ต่อไปค่ะ



 ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกสยแข็งแรง
ฝึกกายบริหารทุกวันร่างกสยแข็งแรง
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว
รูปทรงสมส่วนแคล่วคล่องว่องไว


ภาพกิจกรรม












             

บันทึกอนุทินครั้งที่3
การจัดประสบการณ์การศึกษาแบบเรียนรวมสำหรับเด็กปฐมวัย
วันพฤหัสบดีที่ 29 มกราคม 2558
กลุ่ม 101 เวลา 08:30-12.20



"ในสัปดาห์นี้ไม่มีการเรียนการสอนค่ะ เนื่องจากวันนี้อาจารย์ติดธุระที่จะต้องไปสัมมนาวิชาการบริหารสถานศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา อาจารย์จึงให้ไปศึกษาหาความรู้ด้วยตนเองค่ะ"